ตรวจเช็กบ้านหลังฝนตก : จุดเสี่ยงที่ควรดูทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายลุกลาม
ตรวจเช็กบ้านหลังฝนตก : จุดเสี่ยงที่ควรดูทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายลุกลาม
ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้หลายส่วนของบ้านเผชิญความชื้นสะสมโดยที่เราอาจไม่ทันรู้ตัว หากละเลยแม้เพียงเล็กน้อย ปัญหาเล็กๆ อย่างรอยน้ำซึมหรือประตูไม้บวม อาจขยายเป็นความเสียหายใหญ่ เช่น ผนังพัง พื้นบวม หรือระบบไฟฟ้าลัดวงจร การตรวจเช็กบ้านทันทีหลังฝนหยุดจึงเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันความเสียหายลุกลามได้ดีที่สุด
1. หลังคาบ้าน : จุดเริ่มต้นของปัญหาน้ำรั่วที่พบบ่อยที่สุด
ตรวจอะไรบ้าง
กระเบื้องแตก ร้าว เคลื่อนตัว หรือสไลด์จากแรงลม
จุดรั่วที่รอยต่อหลังคา–ผนังบ้าน
คราบน้ำบนฝ้าเพดานเป็นวงกลม บ่งบอกการซึม
สังกะสีหรือเมทัลชีทเผยช่องว่างตามตะปูหรือสกรู
วิธีตรวจอย่างละเอียด
มองหาน้ำหยดจากชายคาและฝ้าเพดาน
ส่องไฟฉายบริเวณใต้หลังคาเพื่อสังเกตเงาเปียก
ตรวจโครงไม้ว่าเริ่มชื้นหรือมีเชื้อราหรือไม่
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
อุดซิลิโคนกันน้ำในบริเวณรอยต่อ
เปลี่ยนกระเบื้องแตกทันที
เสริมแผ่นปิดรอยต่อ (Flashing) ในจุดที่น้ำไหลย้อน
2. รางน้ำ–ท่อระบายน้ำ : ป้องกันน้ำย้อนเข้าโครงสร้างบ้าน
เช็กจุดต่อไปนี้
ใบไม้ ขยะ กิ่งไม้ อุดตันรางน้ำ
รางน้ำรั่วตามรอยต่อ
ระดับรางน้ำเอียงผิดมุม ทำให้ระบายช้า
น้ำขังรอบบ้านนานผิดปกติหลังฝนหยุด
การตรวจแบบละเอียด
ใช้สายยางเทน้ำเพื่อตรวจดูการไหลของรางน้ำ
เปิดตะแกรงท่อระบายน้ำด้านล่างเช็กกลิ่นและสิ่งอุดตัน
เดินตรวจรอบบ้าน มองหาจุดที่ดินยุบตามแนวฐานบ้าน
แนวทางแก้ไข
เก็บเศษขยะในรางน้ำ
อุดซิลิโคนบริเวณรอยต่อที่รั่ว
หากพื้นลาดเข้าบ้าน ควรปรับระดับใหม่เพื่อกันน้ำไหลย้อน
3. ผนังบ้านด้านนอก–ด้านใน : ตัวบ่งบอกความชื้นสะสมทั่วบ้าน
สิ่งที่ต้องสังเกต
คราบชื้นเป็นปื้นหรือเป็นทางน้ำ
สีพอง ลอก แตก หรือหลุดเป็นแผ่น
ผนังเย็นผิดปกติ แม้ไม่มีเครื่องปรับอากาศ
กลิ่นอับในห้องที่ปิดสนิท
การตรวจแบบลึก
ใช้ไฟฉายส่องแบบเฉียงเพื่อเห็นความบวมของสี
สัมผัสผนังเช็กความชื้น
ใช้เครื่องวัดความชื้นช่วยยืนยันค่าที่ผิดปกติ
วิธีแก้ทันที
เปิดประตู–หน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
ใช้พัดลมหรือเครื่องลดความชื้น
อุดรอยร้าวด้วยวัสดุกันซึมก่อนทาสีใหม่ด้วยสีกันชื้น
4. หน้าต่าง–ประตูไม้และวงกบ : ส่วนที่ได้รับผลกระทบจากความชื้นเร็วที่สุด
เช็กปัญหาต่อไปนี้
ไม้บวมจนปิด–เปิดยาก
น้ำซึมเข้าตามขอบยางหรือวงกบ
ราขึ้นบริเวณผิวไม้หรือจุดล่างของประตู
วงกบไม้มีรอยผุ ล่อน หรือบิด
การตรวจแบบมืออาชีพ
เปิด–ปิดทุกบานเพื่อดูว่าฝืดหรือแน่นเกินไป
ตรวจยางซีลรอบกรอบหน้าต่างว่าขาดหรือเสื่อม
ส่องตรวจบริเวณรอยต่อด้านล่างว่ามีคราบน้ำสะสมหรือไม่
แนวทางแก้ไขทันที
เช็ดให้แห้งทันทีหลังฝนหยุด
ใช้กระดาษทรายขัดจุดที่บวมเล็กน้อย
ทาน้ำยาป้องกันเชื้อราและเคลือบไม้ใหม่
เปลี่ยนซีลยางรอบกรอบประตู–หน้าต่าง
5. พื้นบ้าน : ส่วนที่เสียหายง่ายโดยเฉพาะพื้นไม้และลามิเนต
จุดที่ควรตรวจ
พื้นแอ่นเป็นคลื่น
พื้นบวม ยกตัว หรือเกิดรอยแยก
คราบน้ำซึมตามแนวผนัง
กลิ่นอับมาจากพื้นใต้แผ่นไม้
วิธีตรวจละเอียด
เดินตรวจทีละส่วน โดยเฉพาะมุมบ้าน
สังเกตเสียงพื้นเมื่อเดิน หากเสียงเปลี่ยนแสดงว่ามีความชื้นใต้พื้น
ใช้แผ่นกระดาษขาววางใต้เฟอร์นิเจอร์เพื่อตรวจคราบน้ำที่อาจรั่ว
วิธีแก้ไข
รีบซับน้ำให้หมด
เปิดพัดลมเป่าต่อเนื่องหลายชั่วโมง
หากพื้นบวมมาก ต้องรื้อและเปลี่ยนแผ่นใหม่
6. ระบบไฟฟ้า : ความเสี่ยงที่ต้องตรวจทันทีเพื่อความปลอดภัย
สิ่งที่ควรตรวจละเอียด
ปลั๊ก สวิตช์ ไฟฟ้าใกล้ผนังชื้นหรือฝ้าเพดานมีคราบ
เสียงซ่า กลิ่นไหม้ หรือเบรกเกอร์ทริปบ่อยผิดปกติ
อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานไม่เสถียร
วิธีตรวจที่ปลอดภัย
อย่าแตะปลั๊กหรือสวิตช์ที่มีรอยน้ำ
ปิดเบรกเกอร์ก่อนตรวจทุกครั้ง
ให้ช่างไฟตรวจสอบหากคาดว่าน้ำเข้าระบบ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
ปิดเบรกเกอร์ทุกครั้งที่พบความชื้น
ใช้กล่องกันน้ำตามจุดปลั๊กภายนอกบ้าน
เปลี่ยนปลั๊กและสวิตช์ที่มีคราบน้ำซึมทันที
7. เฟอร์นิเจอร์ไม้และของใช้ภายในบ้าน : ตรวจให้ไวก่อนเชื้อรากินลึก
อาการที่ต้องจับตา
ราเป็นจุดดำ จุดขาว หรือเป็นคราบแฉะบนไม้
กลิ่นอับแรงผิดปกติ
ลิ้นชักเปิดยากจากการบวม
วิธีตรวจแบบละเอียด
เปิดลิ้นชักทุกชั้นตรวจด้านใน
ยกเฟอร์นิเจอร์ออกจากผนังเพื่อตรวจด้านหลัง
ใช้ผ้าเช็ดพื้นผิว หากมีคราบด่างติดออกมาแสดงว่ามีเชื้อรา
แนวทางแก้ไขทันที
ใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำยาฆ่าเชื้อราเช็ด
ตากแดดอ่อนให้แห้ง
ทาน้ำยาเคลือบไม้เพื่อป้องกันความชื้นในอนาคต
8. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเฉพาะจุด เช่น ใต้ถุน ห้องเก็บของ พื้นชั้นล่าง
สิ่งที่ควรตรวจ
มีน้ำขังหรือคราบน้ำบนผนังบริเวณพื้น
กลิ่นโคลนหรือกลิ่นอับรุนแรง
ปูนแตกร้าวหรือหลุดล่อน
วิธีตรวจอย่างละเอียด
ใช้ไฟฉายส่องร่องพื้นทุกจุด
ตรวจแนวรอยต่อผนัง–พื้น
เปิดตู้เก็บของและตรวจหลังเฟอร์นิเจอร์
วิธีแก้ไข
ดูดน้ำออกและซับให้แห้ง
เปิดพัดลมเป่าและลดความชื้น
ติดตั้งปั๊มน้ำทิ้งหากน้ำขึ้นบ่อย
สรุป : ทำไมต้องตรวจบ้านทันทีหลังฝนตกหนัก และควรเริ่มที่จุดไหนก่อน
การตรวจเช็กบ้านอย่างละเอียดหลังฝนตกหนักเป็นมาตรการที่ช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหายลุกลามได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะความชื้นสามารถซึมเข้าส่วนต่าง ๆ ของบ้านได้รวดเร็วมาก โดยเฉพาะหลังคา ผนัง ประตู–หน้าต่าง พื้น และระบบไฟฟ้า หากละเลยเพียงไม่กี่วัน อาจเกิดปัญหาตามมา เช่น เชื้อรา ไม้บวม ผนังพัง น้ำรั่วเข้าระบบไฟ หรือพื้นลามิเนตเสียหายต้องรื้อทั้งห้อง
บ้านทุกหลังควรตรวจจุดสำคัญดังนี้
หลังคาและฝ้าเพดานเพื่อตรวจน้ำรั่ว
รางน้ำและท่อระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำย้อน
ผนังทั้งด้านใน–ด้านนอกเพื่อตรวจคราบชื้นและรอยแตกร้าว
หน้าต่าง ประตูไม้ และวงกบที่เสี่ยงบวมและเชื้อรา
พื้นไม้–พื้นลามิเนตที่เสียหายง่ายเมื่อโดนน้ำ
ระบบไฟฟ้าที่เป็นอันตรายสูงหากมีน้ำซึม
เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เป็นแหล่งสะสมราตัวสำคัญในหน้าฝน
เมื่อพบความผิดปกติ ควรรีบแก้ไขทันที เช่น การเช็ดให้แห้ง อุดรอยต่อ เปิดอากาศให้ถ่ายเท หรือเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเพิ่มเติม การดูแลทันทีหลังฝนตกจะช่วยยืดอายุบ้าน ลดค่าใช้จ่ายซ่อมในระยะยาว และทำให้บ้านปลอดภัยพร้อมใช้งานตลอดช่วงฤดูฝนและฤดูน้ำหลาก
เลือกบ้านโครงการที่น่าสนใจติดต่อเรา : www.kudsanhome.com